นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังเข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่า นายกรัฐมนตรี เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือแรงงานผู้ประกันตนมาตรา 33 “โครงการ ม.33 เรารักกัน” โดยนายกฯ อยากให้ครบทุกคนที่มีสิทธิดังกล่าว ส่วนเม็ดเงินจะได้คนละเท่าไหร่และออกมาในรูปแบบไหนนั้นต้องรอหารือในรายละเอียดอีกครั้ง
แต่เบื้องต้น รูปแบบจะเป็นเหมือนโครงการเราชนะ โดยนำเงินเข้าแอพพลิเคชั่นกระเป๋าตังค์ เพื่อช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งด้วย โดยยืนยันว่าคนในครอบครัวมาตรา 33 จะให้ทุกคนซึ่งมีอยู่ประมาณ 11 ล้านกว่าคนสำหรับเงื่อนไขผู้ที่จะได้รับสิทธิ์ดังกล่าวนั้น นายกฯ ให้ความอนุเคราะห์ตามที่และกระทรวงแรงงานเสนอ คือ คงเหลือเงื่อนไขเดียวคือคนที่มีเงินฝากเกิน 5 แสนบาทจะไม่ได้รับสิทธิเพียงเงื่อนไขเดียว
นายสุชาติ กล่าวอีกว่า ส่วนในประเด็นเงินเดือนต่อปีรวม 3 แสนบาทนั้น ถ้านำประเด็นนี้มาจับคนที่ทำงานที่เดียวกันบางคนได้รับแต่บางคนอาจไม่ได้ จึงอาจมีปัญหา และไม่เกิดความสามัคคีในที่ทำงาน จึงคิดกันว่าไม่เอาเกณฑ์เงินเดือนมาพิจารณา เพราะคนที่เงินเดือนสูงค่าใช้จ่ายก็อาจสูงและคนเงินเดือนน้อยค่าใช้จ่ายก็อาจน้อย ตนจึงเสนอนายกฯ และรมว.คลัง ไม่เอาเรื่องเงินเดือนตรงนี้มาจับ ซึ่งนายกฯ เห็นด้วยในเหตุผล
อย่างไรก็ตาม เงินในส่วนนี้เป็นการใช้เงินกู้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ลำบาก ดังนั้นคนมีเงินฝาก 5 แสน บาทแล้วก็อยากให้เห็นใจเสียสละก็แล้วกัน ไม่อยากให้มีการมองว่ามีเงินฝาก 5 แสนหรือ 1 ล้านแล้วทำไมมาเอาตรงนี้อีก จึงขอหลักเกณฑ์นี้ไว้หลักเกณฑ์เดียว ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังก็อยากได้เกณฑ์เหมือนโครงการเราชนะ แต่ตนขอนายกฯ ให้ใช้เกณฑ์เงินฝากไม่นำเรื่องเงินเดือนมาพิจารณา ส่วนเม็ดเงินนั้นก็เป็นการใช้เม็ดเงินกู้ก้อนเดียวกับโครงการ เราชนะ ไม่ใช่เงินประกันสังคม
ส่วน โครงการ ม.33 เรารักกัน ดังกล่าวจะมีวงเงินต่อคนจำนวนเท่าไหร่ นายสุชาติ กล่าวว่า เรื่องจำนวนเงินเดี๋ยวกลับไปทำตัวเลขอีกครั้ง แต่อยู่ประมาณ 3,500-4,500 บาท โดยจะเป็นการแบ่งจ่ายเป็นรายสัปดาห์ เช่นเดียวกับ “เราชนะ” โดยอาจให้ประมาณ 1,000 บาทต่อสัปดาห์ โดยคาดว่าโครงการจะเริ่มจ่ายเงินให้ผู้ประกันตนได้ภายในเดือน มี.ค.
นายสุชาติ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องเงินชดเชย มาตรา 33 จะได้ข้อสรุปภายในวันศุกร์นี้ โดยจะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) เร็วสุดภายในสัปดาห์หน้า หากไม่ทันก็ถัดไปอีกสัปดาห์หนึ่ง แต่วันนี้ถือว่านายกฯ กดปุ่มอนุมัติทุกคนให้ทั้งหมด โดยขอเงินรัฐบาลมาช่วยในมาตรา 33 นี้ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท โดยหลังจากนี้จะมีการกดปุ่มเปิดให้ลงทะเบียนออนไลน์ ส่วนคนที่มีแอพฯ เป๋าตังค์อยู่แล้วก็ต้องลดทะเบียนออนไลน์ เพื่อยืนยันสิทธิ์เช่นเดียวกัน โดยย้ำว่า ผู้ที่จะได้รับสิทธิ์จะต้องเข้าหลักเงื่อนไข 3 ข้อได้แก่ เป็นคนไทย ,มีเงินฝากในบัญชีไม่เกิน 500,000 บาท และเป็นผู้ประกันตนในมาตรา 33 ซึ่งคาดว่าจะมีผู้รับสิทธิ์ที่เข้าเงื่อนไขนี้ประมาณ 9 ล้านคน
นายสุชาติ กล่าวว่า นอกจาก โครงการ ม.33 เรารักกัน เพื่อเยียวยากลุ่มผู้ประกันตนแล้ว นายกฯ ฝากไปพิจารณาเรื่องเงินทุนชราภาพ ให้แก้ปัญหาให้เร็วที่สุด โดยทางออกมี 2 ทาง ในการแก้ปัญหาระยะยาวคือ การแก้พ.ร.บ. ส่วนการแก้ปัญหาระยะสั้นกำลังหารือกฤษฎีกาตีความอยู่ ว่าจะสามารถนำเงินมาลงทุนกับผู้ประกันตนได้หรือไม่ อย่างเช่นกันปล่อยกู้ให้กับผู้ประกันตนในอัตราดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 2 ต่อปี
อ่านข่าวที่เกี่ยว
- เร่งเคาะ!! เยียวยาผู้ประกันตน มาตรา 33
- ประกันรายได้ผู้ปลูกข้าวปี 2563/64 รอบที่ 1 (งวดที่ 13)
- ธ.ก.ส. พักหนี้เกษตรกร “พื้นที่เสี่ยงสูง” พร้อมสินเชื่อฉุกเฉิน- เสริมสภาพคล่อง
นายสุชาติ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มนักร้อง นักดนตรี ที่เรียกร้องให้ชดเชยเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบเป็นเงินสดว่า ตนเองก็เคยเป็นผู้ใช้แรงงาน บางครั้งมีเงินสดก็เอาไว้ใช้จ่ายในสิ่งที่ต้องใช้เงินสดไว้ใช้ในสิ่งที่ใช้ไม่ได้ เช่นค่าเทอม ค่าเช่าบ้าน ส่วนการซื้อของกินของใช้ก็ใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตังค์แทน ซึ่งต้องรู้จักบริหารจัดการ
ส่วนจะเป็นการตีกรอบการใช้เงินหรือไม่นั้น นายสุชาติ กล่าวว่า ตามหลักเศรษฐศาสตร์ การเอาเงินออกมาเป็นแสนล้าน สิ่งหนึ่งที่จะกลับเข้ามาจะเป็นการฟูขึ้นของเศรษฐกิจ จะทำให้เกิดการหมุนเวียนในภาพใหญ่และฟื้นตัวโดยเร็ว ขอให้เชื่อมั่น เพราะกระทรวงการคลังได้คิดมาแล้ว ซึ่งย้ำว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรีคิดเพื่อช่วยเหลือแรงงาน นี่คือเจตนารมณ์ กระทรวงแรงงานเป็นผู้ช่วยสนับสนุนข้อมูลในการตัดสินใจ การใช้จ่ายชดเชยเป็นเงินสดเป็นไปได้ลำบาก หากใช้ผิดประเภทก็จะทำให้เจตนารมณ์สูญเปล่า
ข้อมูลข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ