‘หมอนิธิพัฒน์’ เผยผลศึกษาทดลอง ฉีด‘ไขว้วัคซีน’ แอสตราฯ-ไฟเซอร์ หวังรอบหน้าเข็ม 3 คงมาเพียงพอครอบคลุมบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยในทุกระดับ
เมื่อวันที่ 9 ส.ค. รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุ คงต้องโทษผลจากการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ ทำให้ตัวขี้เกียจเข้าครอบงำ จนใช้เป็นข้ออ้างหยุดโพสต์ไปหนึ่งวัน ที่จริงเรื่องของวัคซีนโควิดมีประเด็นหลายเรื่องที่น่าสนใจ แต่ในบ้านเราตอนนี้คงไม่พ้นเข็มสามของบุคลากรทำไมมาไม่เต็มสูบ หวังว่ารอบต่อไปคงมาเพียงพอให้สมค่ากับคนที่เขารอ และต้องครอบคลุมบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยในทุกระดับไม่ใช่เฉพาะแพทย์และพยาบาล และครอบคลุมทั้งที่ทำงานเกี่ยวข้องโดยตรงกับผู้ป่วยโควิด (ได้รับเป็นกลุ่มแรกก่อน) และทั้งที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยอื่นที่ไม่ใช่โควิดแต่ก็ถือว่ามีความเสี่ยง (ได้รับเป็นกลุ่มถัดไป) ส่วนที่ให้โรงพยาบาลทำให้โปร่งใสด้วยการประกาศชื่อคนที่ได้รับ ซึ่งต้องใช้มาตรฐานเดียวกันกับทุกคนทั้งหมดในทุกวงการที่ได้รับวัคซีนนี้ไปด้วยเช่นกัน มาช่วยกันจับตาอย่าให้ใครที่ไม่ได้อยู่ด้านหน้า มาตุกติกเอาวัคซีนที่บุคลากรด่านหน้าควรได้รับไป โดยจับมือใครดมไม่ได้
มีคนแซวกันว่าใครฉีดวัคซีนโควิดแล้วผลข้างเคียงน้อยภูมิจะขึ้นไม่ดี แต่เมื่อดูการศึกษาย้อนหลังของบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศเกาหลี พบว่าคนที่ฉีดไปแล้วต้องกินยาลดไข้ดูเหมือนจะมีภูมิคุ้มกัน (ชนิดหนึ่งที่นิยมวัดกัน) สูงกว่าคนที่ไม่ได้กินเล็กน้อย แต่โดยรวมคนที่มีผลข้างเคียงมากหรือน้อยภูมิก็ขึ้นไม่แตกต่างกัน ผลของการศึกษานี้ยังช่วยหักล้างความคิดของนักวิจัยกลุ่มหนึ่ง ที่ว่าการกินยาพาราเซตหรือยาต้านการอักเสบทั้งก่อน (ป้องกันเกิดอาการ) และหลังฉีดวัคซีน (ทั้งป้องกันและบรรเทาอาการ) จะทำให้ร่างกายตอบสนองต่อวัคซีนไม่ดีเท่าที่ควรและภูมิจะขึ้นไม่ดี