สถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ยังพบคลัสเตอร์กลุ่มย่อยและกลุ่มใหญ่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพบคลัสเตอร์ใหม่กลับจากเที่ยวและพื้นที่เสี่ยงไม่กักตัว ตั้งวงดื่มสุราและก๊งเหล้าขาวแก้วเดียวกันที่ร้านขายของชำกลางหมู่บ้านในพื้นที่ตำบลเชียงเครือ อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ เบื้องต้นติดเชื้อแล้ว 29 ราย พบผู้เสี่ยงสูงอีก 87 ราย ใน 6 หมู่บ้าน ขณะที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ระดมกำลัง อสม.ตรวจคัดกรองเชิงรุกหาเชื้ออย่างเข้มข้น และจุดคัดกรองทางเข้าออกหมู่บ้านป้องกันเชื้อแพร่กระจาย
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ลานเอนกประสงค์ ข้างโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ้านแกเปะ ต.เชียงเครือ อ.เมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ผู้นำชุมชน และ อสม. ได้ร่วมกันตั้งจุดคัดกรอง เพื่อทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้กับชาวบ้านกลุ่มเสี่ยง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ หลังเมื่อช่วงกลางเดือนกันยายน 2564 ที่ผ่านมา มีวัยรุ่นไปเที่ยวกลับมาแล้วตั้งวงดื่มสุรา และมีชาวบ้านกลับจากพื้นที่เสี่ยงไม่ยอมกักตัวมีการดื่มเหล้าขาวแก้วเดียวกันที่ร้านขายของชำ ก่อนตรวจพบเชื้อโควิด-19 ภายหลัง ทำให้เชื้อได้แพร่กระจายเป็นคลัสเตอร์พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรวม 29 ราย ขณะที่บริเวณปากทางออกหมู่บ้าน 4 ทหารเสือ ได้ตั้งจุดคัดกรองการเดินทางเข้า-ออกหมู่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง
นายสมพร ภารสำราญ ผู้ใหญ่บ้านแกเปะ หมู่ 5 ต.เชียงเครือ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า กรณีพบชาวบ้านแกเปะ ติดเชื้อโควิด-19 ประมาณวันที่ 20 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา เริ่มจากวัยรุ่นในหมู่บ้านคนหนึ่งไปเที่ยวกับเพื่อนในตัวเมืองกาฬสินธุ์ มีการรวมกลุ่มกับเพื่อน และอาจจะมีการตั้งวงดื่มตามประสาวัยรุ่น ก่อนที่รายต่อมาจะเป็นคนในหมู่บ้านที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ แต่ไม่กักตัว มีไทม์ไลน์ไปซื้อสินค้าที่ร้านของชำกลางหมู่บ้าน ซึ่งร้านขายของชำดังกล่าว มีการจำหน่ายสุรา ให้ลูกค้ามาซื้อในลักษณะของการขายเป็นก๊ง โดยการใช้แก้วหรือตามภาษาชาวบ้านเรียกจอกเดียวกันเวียนดื่มหลายคน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุการติดเชื้อโควิดและแพร่กระจายเป็นคลัสเตอร์ดังกล่าว ทั้งนี้ได้ประกาศขอความร่วมมือร้านค้าและร้านขายของชำในหมู่บ้านแกเปะทั้ง 6 ชุมชน งดการขายสุรา พร้อมเตือนชาวบ้าน ประชาชน งดการเดินทางเข้าออกในช่วงนี้ และหากอยู่ในกลุ่มเสี่ยงให้เข้ามารับการตรวจคัดกรองทุกคนด้วย
ด้านนายแพทย์อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา จะเห็นว่าพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์มากขึ้น สาเหตุจากการเดินทางไปในจังหวัดพื้นที่เสี่ยงสูง สีแดงเข้มแล้ว พอเดินทางกลับก็ไม่ได้เข้าสู่ระบบการกักกันตัว และรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งอาจจะเป็นการนำเชื้อมาด้วยโดยไม่รู้ตัว เกิดการติดต่อกับผู้สัมผัสใกล้ชิดและแพร่กระจายในชุมชน จึงเป็นสาเหตุพบคลัสเตอร์ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ดังกล่าว เช่น ที่ ต.ลำคลอง อ.เมือง และ ต.คลองขาม อ.ยางตลาด ทั้งนี้ปัจจุบันนี้มีผู้ป่วยที่กำลังรักษาตัวในโรงพยาบาล 200 ราย ที่นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
นายแพทย์อภิชัย กล่าวอีกว่า ในส่วนของการพบคลัสเตอร์ใหม่ใน ต.เชียงเครือ อ.เมืองกาฬสินธุ์ เบื้องต้นมีผู้ป่วยยืนยันจำนวน 29 รายนั้น จากการสอบสวนโรค น่าเชื่อได้ว่าเกิดจากกลุ่มวัยรุ่นที่เดินทางท่องเที่ยว และชาวบ้านที่เดินทางจากกรุงเทพฯ พื้นที่เสี่ยงสูง ไม่เข้าสู่ระบบการกักกันตัว และรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ ต่อมาได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ มีอาการไข้ไปตรวจพบเชื้อ ซึ่งได้มีการแพร่เชื้อไปในหมู่บ้านแล้ว โดยจากการติดตามไทม์ไลน์ที่ร้านขายของชำในหมู่บ้านและสอบสวนโรค ยังเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่และชาวบ้าน ที่มีการเดินทางและตั้งวงดื่มสุรา จึงเกิดการกระจายเชื้อ เบื้องต้นพบ 29 ราย และมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 87 ราย ขณะนี้เจ้าหน้าที่สาธรณสุข อ.เมืองกาฬสินธุ์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ รพ.สต.เชียงเครือ อสม. ได้ระดมกำลังกันตรวจชาวบ้าน และจะทำการตรวจคัดกรองเชิงรุก (ATK) ทั้งหมู่บ้านอีกด้วย
นายแพทย์อภิชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์พบผู้ติดเชื้อโควิดเป็นคลัสเตอร์กลุ่มย่อย และกลุ่มใหญ่ดังกล่าว จึงอยากขอความร่วมมือกับพี่น้องประชาชนชาว จ.กาฬสินธุ์ ที่จะเดินทางไปธุระ ไปทำงาน หรือท่องเที่ยวต่างจังหวัด รวมทั้งประชาชนจากต่างจังหวัด ที่จะเดินทางเข้ามาในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ได้เพิ่มความระมัดระวัง การเดินทางเข้าพื้นที่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ทุกครั้ง เพื่อทำการคัดกรอง สิ่งสำคัญที่สุด ที่จะสามารถระงับยั้งยั้งการได้รับเชื้อ ที่สามารถทำได้ง่ายๆ 2 ประการ คือมาตรการ D-M-H-T-T ซึ่งถือว่าเป็นมาตรการครอบจักรวาล และหากเดินทางจากพื้นที่เสี่ยง ต้องเข้าสู่ระบบการกักกันตัว ก็จะเป็นวิธีการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 อย่างได้ผลดีที่สุด
ข้อมูลข่าวจาก ข่าวช่องวัน