เมื่อวันที่ 7 ก.พ.63 นายเอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพครู (กมว.) กล่าวภายหลังการประชุม กมว. ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเรื่องการรับรองหลักเกณฑ์การทดสอบประเมินความรู้ เพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ว่า จะมีการกำหนดวิชาที่จะต้องทดสอบใน 5 หมวดวิชา คือ
1.หมวดทักษะภาษาไทย
2.หมวดทักษะภาษาอังกฤษ
3.หมวดทักษะการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital literacy) เพื่อการศึกษา
4.หมวดความรู้ทางวิชาชีพครู และ
5.หมวดความรู้วิชาเอก
โดยในส่วนของหมวดทักษะภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการศึกษา ผู้เข้ารับการทดสอบสามารถไปสอบในสถาบันที่ได้รับรองรับรองจากคุรุสภาได้เลย ไม่จำเป็นต้องรอสอบเมื่อจบการศึกษา และเมื่อสอบเรียบร้อยแล้วสามารถเก็บคะแนนไว้ใช้ได้เป็นระยะเวลา 3 ปี ทั้งนี้หากผู้เข้ารับการทดสอบไม่สามารถสอบผ่านได้ในหมวดวิชาใดวิชาหนึ่ง สามารถมาสอบย้อนหลังได้เพียงหมวดวิชาเดียว ไม่จำเป็นต้องสอบทุกหมวดวิชา โดยการสอบจะจัดสอบจำนวน 2 ครั้ง อาจจะในช่วงเดือนตุลาคมและเดือนมีนาคมของปีถัดไป
“สำหรับกลุ่มที่จะสอบครั้งแรกในช่วงเดือนตุลาคม พ.ศ.2563 นี้ คือ กลุ่มผู้ที่จะจบการศึกษาประกาศนียบัตรบัณฑิต (ป.บัณฑิต) และนักศึกษาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต ในปีการศึกษา 2563 สำหรับความคืบหน้าการจัดทำผังข้อสอบ หรือ Test Blueprint ขณะนี้ได้มีการขอรายชื่ออาจารย์ในคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ของทุกมหาวิทยาลัยมาร่วมจัดทำ Test Blueprint ในวันที่ 25-26 กุมภาพันธ์นี้ ทั้งนี้เมื่อได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้ว ก็จะมีการจัดทำแนวทางเสนอให้สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ไปใช้ในการออกข้อสอบต่อไป โดยในการทดสอบครั้งแรกจะจัดสอบในรูปแบบกระดาษ ส่วนจะพัฒนาไปสู่การทดสอบในรูปแบบออนไลน์หรือไม่นั้น คงต้องดูความพร้อมของข้อสอบ” ประธาน กมว.กล่าว
นายเอกชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้มีการเสนอร่างจรรยาบรรณของวิชาชีพ 2563 ซึ่งปรับจากจรรยาบรรณวิชาชีพเดิม ที่มีการกำหนดการประพฤติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพไว้นานแล้ว โดยการปรับใหม่จะครอบคลุมในเรื่องจรรยาบรรณต่อตนเอง ต่อวิชาชีพ ต่อผู้รับบริการ ต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ และต่อสังคม เช่น การรักษาข้อมูลความลับของผู้รับบริการ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเอกสาร ภาพ วีดิทัศน์หรือเสียงของผู้บริการ จะต้องไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการเข้าถึง แก้ไข ใช้เผยแพร่ ดัดแปลงข้อมูลหรือการกระทำใดๆ ที่เป็นละเมิดหรือผิดกฎหมาย หรือสร้างคสามเสื่อมเสียต่อผู้รับบริการ ซึ่งในข้อนี้หากมีการเผยแพร่คลิปวีดีโอ หรือคลิปเสียงของเด็กก็จะมีความผิดทางจรรยาบรรณทันที ซึ่งจะมีการหารือกันอีกครั้งในการประชุมครั้งต่อไป
ข้อมูลข่าวจาก: thaipost