นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การขอขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ เป็นหนึ่งในมาตรการระยะสั้นที่ต้องการดูแลประชาชน เชื่อว่าก่อนปีใหม่เราจะไปดูให้เหมาะสม ในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.66 จะเห็นค่าแรงขั้นต่ำประมาณ 400 บาท โดยได้หารือกับเอสเอ็มอีและภาคอุตสาหกรรม ถึงโรดแมปในการดูแลเศรษฐกิจ เพื่อให้ผู้ปะกอบการเห็นว่าเขามีความหวัง และเราก็สามารถประกาศได้อย่างมั่นใจ ซึ่งเราจะมองให้ทุกมิติ
“ปัจจุบันในภาคส่วนของแรงงานมีการให้มากกว่า 400 บาทอยู่แล้ว แต่ยังมีหลายยังหวัดที่ไม่ถึงส่วนนั้นก็ต้องไปดู ซึ่งจะทำให้เห็นก่อนปีใหม่ ช่วงพ.ย.-ธ.ค. เป็นประมาณ 400 บาท”
ขณะที่นโยบายรถไฟฟ้าราคา 20 บาทตลอดสาย การทำภายใน 3 เดือนอาจจะยาก แต่จะเริ่มปฏิบัติการทันที โดยมีการหารือกับนักกฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่กระบวนการค่อนข้างยาก ทั้งการเชื่อมต่อ การใช้ตั๋วใบเดียว ยอมรับว่าหลายสายที่ไปดูมา วิธีการที่ขึ้นรถไม่เหมือนกัน จะต้องไปดูรายละเอียดอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าได้เริ่มดำเนินการแล้ว
ทั้งนี้ ในประเด็นแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ นายกฯ ได้พูดคุยกับอธิบดีกรมสรรพากรคนใหม่ ทั้งในเรื่องภาษีที่ดิน ภาษีโรงเรือน ภาษีมรดก ภาษีลดความเหลื่อมล้ำทั้งหลาย ซึ่งภาษีมรดก เก็บได้ประมาณ 200 ล้านต่อปี โดยหลักการของภาษีคือ มีรายได้มาก็ต้องจ่ายภาษี ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากอะไร ในอัตราที่เหมาะสม
ส่วนกรณีมีการลงทุนในต่างประเทศ ถ้านำเงินกลับเข้ามาต้องเสียภาษี เริ่มต้น 1 มกราคม ซึ่งต่อยอดมาจากรัฐบาลที่แล้วที่ดูแลเรื่องความเหลื่อมล้ำ รัฐบาลจะมีออกมาเรื่อย ๆ โดยยึดหลักว่าต้องตอบโจทย์และยุติธรรมกับทุกฝ่าย
“ยืนยันว่า ความเหลื่อมล้ำเป็นปัญหาใหญ่ และหลักการง่ายๆ คือ มีรายได้มาจะต้องจ่ายภาษี แม้เป็นมรดก ในอัตราที่เหมาะสม ขณะเดียวกัน ล่าสุด สรรพากรได้มีกฎหมายบังคับใช้ให้เก็บภาษีเงินได้ผู้ที่มีการลงทุนต่างประเทศ ต่อยอดจากรัฐบาลที่แล้วที่ต้องการลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งกฎหมายที่ออกมาจะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย”
ที่มาข่าว : ฐานเศรษฐกิจ