สตาร์บัคส์อาจต้องปิดสาขา และสูญเสียรายได้ไปจำนวนมากในตลาดสำคัญของยุโรป
สตาร์บัคส์ รายงานผลประกอบการของธุรกิจว่า ร้านกาแฟในสหราชอาณาจักร ต้องพบกับผลประกอบการขาดทุนไป 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 675 ล้านบาท) หลังสิ้นสุดเดือนกันยายน 2018 โดยมาจากปัจจัยในส่วนการปิดสาขา และค่าแรงการจ้างพนักงานที่สูงขึ้น
สำหรับสหราชอาณาจักร ถือว่าเป็นตลาดใหญ่อันดับ 6 ของสตาร์บัคส์ โดยมีร้านค้าจำนวนทั้งหมด 994 แห่ง ต่อจากสหรัฐฯ, จีน, แคนาดา, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
ที่ผ่านมา ธุรกิจจากสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร และร้านค้าปลีกต้องดิ้นรนอย่างหนักในสหราชอาณาจักร จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันไปสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น รวมถึงสถานการณ์ความไม่แน่นอนในเรื่อง Brexit ซึ่งสตาร์บัคส์ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันในเรื่องนี้เช่นกัน
Martin Brok ประธานร้านสตาร์บัคส์ดำเนินงานในยุโรป, ตะวันออกกลาง และแอฟริกา กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ไปสู่ค่าเช่าที่สูง และการเมืองที่ไม่มีความแน่นอน ทำให้เกิดแรงกดดันต่อเนื่องทั่วภูมิภาค ซึ่งสตาร์บัคส์แก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนแปลงการให้บริการที่มีต่อลูกค้า ตลอดจนหลุดพ้นจากวัฒนธรรมเดิมๆ ที่มีมา
“บริษัทจะขยายร้านค้าแบบ drive-thru และทดลองให้บริการส่งกาแฟแบบเดลิเวรี่ร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่าง Uber Eats ในพื้นที่ของกรุงลอนดอน และเมืองอื่นๆ ในยุโรป, ตะวันออกกลางภายในปีนี้