‘ธนาธร’ ลุยร้อยเอ็ด ‘วิ่งเพื่อประชาธิปไตย’ เผยคนอีสานตื่นตัว รธน. สร้างอนุสาวรีย์หลายแห่ง ปลุก ปชช. ไม่เอารัฐประหาร
เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ที่สวนสาธารณะบึงพลาญชัย จ.ร้อยเอ็ด นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมด้วย นายคารม พลพรกลาง นายสุรวาท ทองบุ นายทวีศักดิ์ ทักษิณ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ร่วมกิจกรรม “วิ่งเพื่อประชาธิปไตย” ท่ามกลางประชาชนชาวร้อยเอ็ด และจังหวัดใกล้เคียงร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก โดยในช่วงก่อนเริ่มวิ่ง เกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อยเมื่อตำรวจได้เข้ามาชี้แจงและให้ยุติการใช้เครื่องขยายเสียงในพื้นที่บึงพลาญชัย ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด
ทั้งนี้ ได้มีการทำหนังสือขออนุญาตและแจ้งให้ทราบล่วงหน้าและได้รับอนุญาตแล้ว แต่ทว่าสุดท้ายเพิ่งจะมีหนังสือตอบกลับมาเรื่องไม่ให้ใช้พื้นที่วันก่อนซึ่งกระชั้นชิดมาก ตำรวจต้องดำเนินคดีกับผู้จัดกิจกรรม ตามความผิด พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ. 2493 โทษปรับ 2 กรรม กรรมละ 100 บาท คือ
1. ใช้เครื่องขยายเสียงก่อนนายธนาธรมาถึง และ
2.นายธนาธรใช้เครื่องขยายเสียงพูดคุยกับประชาชน รวมค่าปรับ 200 บาท เสียค่าปรับลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานในการพูดคุยกับประชาชนที่มาร่วมกิจกรรม “วิ่งเพื่อประชาธิปไตย” นายธนาธรกล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้เมื่อ 87 ปีที่แล้ว เรามีรัฐธรรมนูญฉบับถาวร แต่กระนั้น วันนี้ประชาชนยังสงสัยว่า ตกลงเราปกครองประเทศด้วยระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบ หรือระบอบเผด็จการครึ่งใบ หรือระบอบประชาธิปไตยแบบลุงๆ สถานที่ที่เรามารวมกันอยู่นี้คือบึงพลาญชัย มีอนุสาวรีย์รัฐธรรมนูญตั้งอยู่ ซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่า ในภาคอีสานมีอนุสาวรีย์รัฐธรรมนูญอยู่เต็มไปหมด ไม่ว่าจะที่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ มหาสารคาม ขอนแก่น รวมถึงร้อยเอ็ด ซึ่งคนอีสานควรภูมิใจว่า คือกลุ่มคนแรกๆ ที่ร่วมต่อสู้ให้มีประชาธิปไตยเกิดขึ้นในประเทศนี้ ดังจะเห็นได้ว่า อนุสาวรีย์รัฐธรรมนูญในภาคอีสานซึ่งสร้างขึ้นในช่วงปี 2477- 2479 นั้น มีมาก่อนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่กรุงเทพฯ และที่สำคัญคือ สร้างขึ้นโดยไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐราชการส่วนกลางแต่อย่างใด หากแต่เป็นการระดมทุนโดยพี่น้องประชาชน พ่อค้าคหบดี ผู้แทนราษฎร นี่แสดงถึงความตื่นตัวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แสดงถึงความก้าวหน้าของคนในภาคอีสาน ซึ่งในช่วงที่เริ่มอนุสาวรีย์รัฐธรรมนูญนั้น เป็นบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง คือยุคสมัยใหม่ที่สว่างไสว ยุคสมัยใหม่ที่ประชาชนมีความหวังว่าอนาคตของเขาจะดีกว่าที่เป็นอยู่ “การมีรัฐธรรมนูญ ได้เปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับรัฐ ซึ่งก่อนนี้ จะมีก็แต่ไพร่กับนายเท่านั้น ไม่เคยมีประชาชนมาก่อน ดังนั้น การเฉลิมฉลองเนื่องในวันรัฐธรรมนูญก็เพราะเป็นวันที่ให้กำเนิดพลเมืองขึ้นในสังคม และเริ่มเข้าสู่ความเป็นสมัยใหม่ นั่นคือ เปลี่ยนจากเชื่อในเรื่องภูติผีปีศาจมาเป็นเชื่อในเรื่องของเหตุผล จากเชื่อในธรรมชาติเปลี่ยนมาเป็นเชื่อในวิทยาศาสตร์ จากคิดว่าชีวิตเป็นของเจ้านายเปลี่ยนมาเป็น ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพมีความคิดเป็นของตัวเอง อำนาจจารีตกลายเป็นอำนาจของประชาชน ฐานันดรกลายเป็นความเท่าเทียมเสมอภาค สิ่งเหล่านี้มาพร้อมกับรัฐธรรมนูญ มาพร้อมความคลี่คลายลงของสถาบันทางการเมืองแบบดั้งเดิม ดังนั้น นี่คือการเฉลิมฉลองให้กับรัฐธรรมนูญที่รับรองสิทธิเสรีภาพของประชาชน” นายธนาธรกล่าว
และกล่าวอีกว่า ถึงวันนี้ ประเทศไทยมีการรัฐประหารมาแล้ว 13 ครั้ง มีรัฐธรรมนูญมาแล้ว 20 ฉบับ มากกว่าประเทศใดในโลก ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับประชาธิปไตย เกิดอะไรขึ้นกับรัฐธรรนูญในประเทศนี้ ซึ่งควรต้องคงไว้ในหลักการพื้นฐานที่สุดอย่างคนทุกคนเท่าเทียมกัน เสมอภาคกัน และเป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน แต่กลับมีกลุ่มนายทหารเข้ามายึดอำนาจเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งแล้วเขียนรัฐธรรมนูญใหม่โดยที่ไม่ใส่ใจประชาชน นั่นก็คือ รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ซึ่งมีจุดประสงค์สำคัญคือ เพื่อให้ตนเองได้ครองอำนาจต่อไป
และวันนี้ปัญหาก็คือ อำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชนยังอยู่กับเรา ยกตัวอย่างชัดเจนที่สุดก็คือ ส.ว. 250 คน ที่ประชาชนไม่ได้เป็นคนเลือก หรือคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ องค์กรอิสระต่างๆ ที่ประชาชนไม่เคยได้เลือกเลย ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่ผู้ถูกกดขี่อย่างเราจะต้องลุกขึ้นมาและบอกว่าเราไม่ยอมอีกแล้ว การรัฐประหารยึดอำนาจประชาชนต้องไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีก วันนี้ จะเห็นว่ากลุ่มคณะรัฐประหารสืบทอดอำนาจอยู่เหนือกฎหมาย ทำอะไรก็ไม่ผิด ทำได้ทุกอย่างตามใจ ดังนั้น เราต้องแสดงพลังของพี่น้องประชาชนให้เห็นว่า เราจะไม่ทนกับระบอบที่กดขี่แบบนี้ ลูกหลานเราเติบโตมาจะต้องไม่เจอรัฐประหารอีก “วันนี้ เป็นวันแห่งการเฉลิมฉลอง พวกเขาต้องการให้เราลืม 10 ธันวาคม พวกเขาต้องการให้เราลืมรัฐธรรมนูญ พวกต้องการให้เราลืมอนุสาวรีย์รัฐธรรมนูญในภาคอีสานหลายๆ พื้นที่ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว พวกเขาไม่เคยทำนุบำรุงอนุสาวรีย์เหล่านี้ พวกเขาไม่เคยสอนลูกหลานเราให้ตระหนักถึงความสำคัญของอนุสาวรีย์ในภาคอีสานเหล่านี้ ดังเช่นในปี 2557 อนุสาวรีย์รัฐธรรมนูญหรืออนุสาวรีย์ประชาธิปไตยใน จ.บุรีรัมย์ เพิ่งจะถูกทุบทิ้งไปเพื่อสร้างไฟจราจรดิจิทัล พวกเขาไม่ให้ความสำคัญ ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ของพวกเราประชาชน ที่จะปกป้องความสำคัญของอนุสาวรีย์รัฐธรรมนูญ ปกป้องจิตวิญญาณของผู้ที่มาก่อนพวกเรา เขาทำให้เราลืมอนุสาวรีย์รัฐธรรมนูญ เป็นหน้าที่เราที่จะต้องสอนลูกหลานให้จำอนุสาวรีย์รัฐธรรมนูญเหล่านี้ไว้ เพื่อให้เราตระหนักตลอดเวลาว่า อำนาจสูงสุดในประเทศนี้เป็นของประชาชน วันนี้ มาเฉลิมฉลองด้วยการวิ่งร่วมกัน เป็นสัญญาณบอกพวกเขาว่า อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน นายธนาธรกล่าว