นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์เตรียมนำที่ราชพัสดุทำเลทองในย่าน CBD (Central Business District) พื้นที่ซึ่งเป็นศูนย์รวมของแหล่งงาน กิจการธุรกิจ และกิจกรรมทางสังคมต่างๆ ของเมืองในจังหวัดต่างๆ มาดำเนินโครงการบูรณาการสวัสดิการที่พักอาศัยกับสถานที่ทำงานและแหล่งศูนย์บริการของข้าราชการพลเรือนสามัญ
โดยโครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่าง กรมธนารักษ์ สำนักงาน ก.พ. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) ในการพัฒนาที่พักอาศัยเพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่ข้าราชการพลเรือนสามัญได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ในลักษณะอาคารพักอาศัยรวม (คอนโด) 7 ชั้น โดยแต่ละโครงการมี 76 ห้อง พื้นที่ใช้สอย ห้องละประมาณ 40 ตารางเมตร ราคาห้องละ 999,999 บาท
สำหรับระยะแรกกรมธนารักษ์ได้คัดเลือกที่ราชพัสดุรวมทั้งสิ้น 9 แปลง ประกอบด้วย ใจกลางกรุงเทพมหานคร 3 แปลง คือ ถนนสุขุมวิทใกล้รถไฟฟ้าสถานีบางจาก ถนนพระราม 3 ใกล้ MRT สถานีคลองเตย และถนนเพชรบุรีใกล้ MRT สถานีเพชรบุรี จังหวัดนนทบุรีบริเวณตรงข้ามศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรีใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง 1 แปลง บริเวณปากเกร็ดใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู 2 แปลง และในจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น และ สุราษฎร์ธานี จังหวัดละ 1 แปลง ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุทำเลทองการคมนาคมสะดวก ใกล้สถานที่ราชการ
สำหรับผู้ที่จะเข้าร่วมจองโครงการดังกล่าวต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
- เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ
- มีสถานที่ทำงานหรือมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดที่เป็นพื้นที่ของโครงการนั้น โดยสามารถรับ สิทธิได้รายละไม่เกิน 1 สัญญา
สำหรับสิทธิประโยชน์ที่ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับ มีดังนี้
- ได้รับกรรมสิทธิ์ในห้องพักอาศัย
- ได้สิทธิการเช่าที่ราชพัสดุ 30 ปี
- กรมธนารักษ์ผ่อนปรนอัตราค่าเช่า ร้อยละ 25 จากอัตราปกติที่กำหนดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ และยกเว้นค่าธรรมเนียมการต่ออายุสัญญาเช่า
- สามารถโอนสิทธิให้ทายาทหรือคู่สมรสได้เมื่อผ่อนชำระไม่น้อยกว่า 3 ปี และสามารถโอนสิทธิให้บุคคลที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดได้เมื่อครบ 5 ปี
- ซึ่งผู้ได้รับสิทธิสามารถยื่นขอสินเชื่อจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้ในเงื่อนไข อัตราดอกเบี้ยพิเศษ
ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดหลักเกณฑ์ได้ที่เว็บไซต์สำนักงาน ก.พ. www.tcondo.ocsc.go.th หรือเว็บไซต์กรมธนารักษ์ www.treasury.go.th ซึ่งจะได้ทำลิงค์เชื่อมโยงข้อมูลเข้าสู่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.พ. เพื่อศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการตัดสินใจและเตรียมเข้าจองผ่านระบบออนไลน์พร้อมกัน ในช่วงวันที่ 9 – 13 กันยายน 2563 นี้
ทั้งนี้ ทางโครงการจะพิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติภายใน 5 วัน ระหว่างวันที่ 14 – 18 กันยายน 2563 หลังจากนั้นจะประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาคุณสมบัติและสรุปผลเสนอที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการโครงการฯ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ภายในวันที่ 30 กันยายน 2563 และ จะประกาศผลผู้ผ่านการพิจารณาให้ทราบต่อไป นายยุทธนากล่าวในตอนท้าย
ข้อมูลข่าวจาก ประชาชาติ