“น้องยุ้ย” สาวบุรีรัมย์พิการตาบอดสามีทิ้งให้เลี้ยงลูกน้อยลำพัง เข้าแจ้งความจำนงจะแบ่งปันเงินที่ได้รับบริจาคจากผู้ใจบุญกว่า 1.5 ล้านซื้อเครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ยังขาดแคลนไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย มอบให้ รพ.บุรีรัย์เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย เชื่อผลบุญจะส่งผลให้เกิดปาฏิหาริย์กลับมามองเห็นอีกครั้ง
วันนี้ (11 มิ.ย.) หลังจากที่มีการนำเสนอเรื่องราวชีวิตอันน่าสลดหดหู่ใจของ น.ส.สุนิสา มุ่งรวยกลาง หรือยุ้ย อายุ 26 ปี ชาว ต.กระสัง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ที่พิการตาบอดทั้งสองข้างมานานกว่า 7 ปีเพราะผลข้างเคียงจากการทำงานโรงงานหลอมเหล็ก ซ้ำยังถูกสามีหนีไปบวช ทิ้งให้เลี้ยงลูกชายวัย 1 ขวบ 3 เดือนตามลำพัง อาศัยเพิงเล็กๆ ที่ล้อมรอบและมุงด้วยสังกะสีเก่าผุพังเป็นที่ซุกหัวนอน มีเพียงเบี้ยคนพิการเดือนละ 800 บาท และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจนเดือนละ 300 บาทซื้อข้าว และอาหารกินประทังชีวิต ต้องอยู่อย่างยากลำบากอดมื้อกินมื้อ บางครั้งไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกกิน กระทั่งได้มีผู้ใจบุญทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และผู้มีจิตศรัทธา นำสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน รวมถึงบริจาคเงินเข้าบัญชีเพื่อช่วยเหลือน้องยุ้ยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้มียอดเงินบริจาคแล้วกว่า 1 ล้าน 5 แสนบาท ตามที่เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุดวันนี้ น.ส.สุนิสา หรือน้องยุ้ย พร้อมญาติ ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เพื่อนำเงินจากที่ได้รับบริจาคจำนวน 50,000 บาท ไปบริจาคต่อให้แก่โรงพยาบาลบุรีรัมย์เพื่อใช้ในการจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์หรือเวชภัณฑ์ยาตามที่ตั้งใจ แต่ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าไม่สามารถรับเงินสดที่ น.ส.สุนิสานำมาบริจาคให้ได้เนื่องจากเป็นเงินที่ผู้ใจบุญจากทั่วประเทศตั้งใจบริจาคช่วยเหลือน้องยุ้ย
แต่หากน้องยุ้ยมีความประสงค์จะบริจาคจริงแนะนำว่าให้มอบเป็นอุปกรณ์การแพทย์มากกว่า อย่างเช่น เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ที่ทางโรงพยาบาลมีความจำเป็นต้องใช้และขณะนี้ยังไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการ แต่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้บริจาค ซึ่งทันทีที่น้องยุ้ยได้รับทราบเหตุผลได้ตอบรับและแจ้งความจำนงว่าจะแบ่งปันเงินที่ได้รับบริจาคซื้อเครื่องตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้าเพื่อมอบแก่แผนกผู้ป่วยโรคตาทันที
นพ.จรัญ ทองทับ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุรีรัมย์ กล่าวว่า เครื่องตรวจคลื่นหัวใจไฟฟ้าเป็นเครื่องมือแพทย์ที่มีความจำเป็นต้องใช้ในการตรวจคลื่นหัวใจผู้ป่วยที่เข้ามาตรวจรักษา ซึ่งขณะนี้ในส่วนของโรงพยาบาลบุรีรัมย์ยังมีความต้องการเครื่องดังกล่าวอยู่จำนวนมากหากเทียบกับจำนวนผู้ป่วยที่เข้ามารับการตรวจรักษาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเชื่อว่าการที่ได้รับบริจาคในครั้งนี้จะเกิดประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ป่วย
ส่วนการดูแลรักษาน้องยุ้ย ทางโรงพยาบาลยังคงดูแลรักษาต่อเนื่อง แต่ในส่วนไหนที่เกินขีดความสามารถของทางโรงพยาบาลบุรีรัมย์ต้องส่งไปรักษายังโรงพยาบาลที่มีขีดความสามารถสูงกว่าร่วมในการดูแลรักษาในอีกทางหนึ่ง ซึ่งต้องขอขอบคุณน้องยุ้ย และครอบครัวที่เห็นความสำคัญและตั้งใจบริจาคอุปกรณ์การแพทย์ให้ในครั้งนี้ด้วย
ด้านน้องยุ้ยบอกว่า ตอนแรกตั้งใจจะนำเงินที่ได้รับบริจาคจากผู้ใจบุญมามอบแก่โรงพยาบาลจำนวน 5 หมื่นบาท เพื่อให้ทางโรงพยาบาลนำไปซื้อเครื่องแพทย์ที่จำเป็นต้องใช้ในการรักษาผู้ป่วย แต่พอได้แจ้งเหตุผลว่าไม่สามารถรับเป็นเงินสดได้ และแนะให้บริจาคเป็นเครื่องมือแพทย์ก็ตัดสินใจแจ้งความจำนงจะซื้อเครื่องตรวจคลื่นหัวใจมอบให้ทางโรงพยาบาลทันทีตามความตั้งใจ เพราะเชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ต่อผู้ป่วยคนอื่น และเชื่อว่าผลบุญที่ตนเองทำสักวันอาจจะเกิดปาฏิหาริย์ทำให้กลับมามองเห็นแสงสว่างได้อีกครั้
ที่มา: