สสนก. ยันเขื่อนแตกที่ลาวไม่กระทบถึงไทย – สั่งจับตาร่องมรสุมจาก “พายุเซินติญ” มีผลกับไทยแน่ ทำภาคเหนือตอนบนและตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ริมแม่น้ำโขงมีฝนตกหนักต่อเนื่อง 25-27 ก.ค.
สสนก. ยันเขื่อนแตกที่ลาวไม่กระทบถึงไทย – สั่งจับตาร่องมรสุมจาก “พายุเซินติญ” มีผลกับไทยแน่ ทำภาคเหนือตอนบนและตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ริมแม่น้ำโขงมีฝนตกหนักต่อเนื่อง 25-27 ก.ค.
นที่ 26 กรกฎาคม 2561 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 รายงานว่า ดร. สุทัศน์ วีสกุล ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สสนก. เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมจากสาเหตุเขื่อนเซเปียนแตก ในแขวงอัตตะปือ สปป.ลาว ที่เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตแล้ว 26 ราย และมีผู้สูญหายอีก 131 ราย ตามที่มีรายงานไปแล้วนั้น
ดร. สุทัศน์ เผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบถึงประเทศไทย เนื่องจากมวลน้ำทั้งหมดที่ไหลออกจากเขื่อนเซน้ำน้อย จะไหลลงไปทางใต้ทางลำน้ำเซเปียน ไปเจอลำน้ำเซน้ำน้อย แล้วจะไหลลงลำน้้ำ Tonle Kong ก่อนจะไหลต่อไปยังแม่น้ำโขงของกัมพูชา เข้าสู่โตนเลสาบ ไปออกที่โฮจิมินห์ของเวียดนาม
ขณะที่ประเทศไทย ควรให้ความกังวลกับอิทธิพลของพายุเซินติญและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงมากกว่า โดยภาคเหนือตอนบนและตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ริมแม่น้ำโขงจะมีฝนตกหนักต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 25-27 กรกฎาคม นี้ จากร่องมรสุมของอิทธิพลของพายุเซินติญ ที่จะส่งผลทำให้ระบดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับเจอน้ำฝนจาก สปป.ลาวตอนบน และ สปป.ลาวตอนกลาง ที่ไหลมารวมกัน
นอกจากนี้ อีกจุดที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือ บริเวณเขื่อนแก่งกระจาน ที่จะได้รับผลกระทบจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรง เพราะหากมีฝนตกหนักเพิ่มอีก มวลน้ำที่เกินความจุจะไหลเข้าตัวเมืองเพชรบุรีทั้งหมด เพราะจากวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีฝนตกหนักใน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี มีน้ำไหลเข้าอ่างวันเดียวสูงถึง 150 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ในขณะนี้ความจุของเขื่อนสามารถรองรับน้ำได้อีกเพียง 90 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น จากความจุทั้งหมด 710 ล้านลูกบาศก์เมตร
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก