“พาณิชย์” เร่งถก “คลัง” หาทางเพิ่มจำนวนร้านค้าธงฟ้าประชารัฐให้มากกว่า 4 หมื่นแห่งทั่วประเทศ หวังช่วยลดค่าครองชีพให้คนไทยทั้งประเทศ และช่วยร้านโชห่วย ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น พร้อมหามาตรการลดค่าครองชีพเพิ่มเติม
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อเพิ่มจำนวนร้านค้าธงฟ้าประชารัฐให้มีมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีจำนวน 40,000 ร้านค้า โดยในจำนวนนี้อีก 20,000 ร้านค้า อยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (อีดีซี) คาดว่าจะติดตั้งได้แล้วเสร็จภายในเดือน เม.ย.นี้ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องพิจารณาต่อว่าจะเพิ่มปริมาณร้านค้าอย่างไรให้ได้มากขึ้นกว่า 40,000 แห่ง เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย นำมารูดซื้อสินค้าให้ได้อย่างทั่วถึงในทุกพื้นที่ของประเทศ ขณะเดียวกัน ยังมีร้านโชห่วยและร้านค้าชุมชนอีกมากที่สนใจเข้าร่วมโครงการนี้
“ผมอยากเพิ่มจำนวนร้านค้าธงฟ้าประชารัฐให้ได้มากถึง 100,000 ร้าน เพราะถ้ายิ่งมีมากก็จะยิ่งช่วยลดค่าครองชีพให้กับผู้มีรายได้น้อยได้มาก ซึ่งจำนวนนี้เป็น สิ่งที่คิดเอาไว้ ส่วนจะทำได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลัง ที่จะพิจารณางบประมาณสนับสนุนในการติดตั้งเครื่องรูดบัตร”
สำหรับประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นจากการเพิ่มจำนวนร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ จะทำให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และประชาชนผู้มีรายได้น้อย มีทางเลือกในการซื้อสินค้าราคาถูกได้อย่างง่ายขึ้น และทั่วถึงมากขึ้น เพราะจำนวนร้านค้าจะกระจายครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ มากขึ้น และยังช่วยให้ร้านค้าปลีกรายย่อย ร้านค้าชุมชนขนาดเล็ก รวมถึงร้านโชห่วย มีโอกาสขายสินค้าได้มากขึ้น จากการที่เข้าร่วมโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และได้รับการติดตั้งเครื่องรูดบัตร ซึ่งจะมีประชาชนในพื้นที่นำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาใช้รูดซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น
ส่วนร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่เข้าร่วมโครงการแล้ว ขณะนี้ กระทรวงอยู่ระหว่างการช่วยเหลือ และพัฒนาให้เป็นร้านโชห่วยไฮบริด ที่สามารถทำธุรกิจผ่านทางออนไลน์ได้ ซึ่งนอกจากจะมีลูกค้าที่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว ยังจะได้ลูกค้าทั่วไปที่ชื่นชอบการซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ด้วยโดยนอกจากร้านค้าเหล่านี้ จะขายสินค้าแล้ว ยังจะขยายการให้บริการลูกค้าให้มากขึ้น เช่น อาจรับชำระค่าบริการต่างๆ ได้อีก อย่างค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า หรือค่าโทรศัพท์ เป็นต้น “การยกระดับร้านค้าให้เป็นร้านโชห่วยไฮบริด จะเป็นการเพิ่มยอดขายและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งจะส่งผลให้ร้านโชห่วย ร้านค้าชุมชนเหล่านี้สามารถแข่งขันกับรายใหญ่ได้อย่างยั่งยืนในอนาคต”
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเฟส 2 ที่สร้างงานสร้างรายได้ให้กับผู้มีรายได้น้อยนั้น กระทรวงมี 3 หลักสูตรที่จะฝึกอบรมผู้มีรายได้น้อยให้สามารถมีอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ ได้แก่ หลักสูตรร้านอาหารมืออาชีพ และหลักสูตรแม่บ้านมืออาชีพ ซึ่งได้ทยอยเปิดการอบรมไปแล้ว รวมถึงมีแฟรนไชส์กว่า 100 ประเภทให้ได้เลือกซื้อไปทำธุรกิจด้วย สำหรับผู้สนใจ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ 0-2547-5970 สายด่วน 1570 และอีเมล association3187@gmail.com
ข้อมูลจาก: