ถ่านกับเพชร สร้างด้วยต้นทุนเดียวกัน คือ คาร์บอน
คาร์บอน ที่ไม่ได้ผ่านแรงอัด แรงกดดันอะไร อยู่ตามธรรมชาติ ก็จะกลายเป็น ถ่าน
ในขณะที่ คาร์บอน ที่ผ่านแรงอัดอย่างหนัก เป็นเวลานานๆ คาร์บอนที่สามารถผ่านออกมาได้ โดยไม่แตกไปเสียก่อน ถึงจะกลายเป็น เพชร
เราถึงได้ยินว่า เพชร จริงๆ มันแข็งมาก…เหตุที่มีมันมีค่ามหาศษลก็เพราะความยากนี้เอง
ชีวิตคนเรา ก็คล้ายกัน เรื่องถ่านกับเพชร
ชีวิตแบบถ่าน
เช่น คนที่รักสบาย อยู่ไปเรื่อย เมื่อไหร่มีแรงกดดัน แทนที่จะสู้ ก็บ่นว่าแล้วก็หนีไป ตั้งเป้าในชีวิตแบบต่ำๆ ทำยาวๆ ไม่สนใจเรียนรู้ ไม่อยากพัฒนา เป็นน้ำเต็มแก้ว รู้ไปทุกเรื่อง แต่ไม่เคยทำจนสำเร็จสักเรื่อง ชอบพูดมากกว่าชอบทำ คิดเยอะ ส่วนใหญ่ก็ลบมากกว่าบวก โทษไปได้หมดทุกเรื่อง ยกเว้นอย่างเดียว คือ โทษตัวเอง … ผลสุดท้าย ก็ไม่เคยได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ชีวิตแบบเพชร
คนกลุ่มนี้ มองตาก็เข้าใจได้ เห็นเรื่องที่ต้องผ่าน เป็นเรื่องที่พิสูจน์ตัวเอง พูดน้อย ทำมาก ไม่ล้มเลิก เกาะติด พากเพียร ยอมแลก อดเปรี้ยวไว้กินหวาน ไม่ท้อ เป้าหมายมีไว้พุ่งชนอารมณ์ประมาณนั้น ขณะที่หลายคนมองว่า คนกลุ่มนี้ลำบาก เขาเองกลับไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนั้น
ใครบอกชีวิตไม่มีทางเลือก คำๆนี้ ได้ยินในถ่าน แต่จะไม่ผ่านไปในเพชร
หลายคนรอชะตาฟ้ากำหนด รอความโชคดี…..รู้มั๊ยความหมายของคำว่า โชคดี ที่แท้คืออะไร…..โชคดี = โอกาส + การเตรียมพร้อม
ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง มันก็จะไม่ใช่โชคดี แต่เป็นฟลุ้ค ซึ่งในชีวิตหนึ่ง การรอคอยอาจจะไม่ได้มา แม้ไม่ได้มาก็รักษาไว้ไม่ได้ ชีวิตคนเราสั้นนัก วันๆ หนึ่งผ่านไปเร็วมาก ปีหนึ่งๆ ก็แว่บๆผ่านไปอีกปี
ถ้าแต่ละปีที่ผ่าน เป็นถ่านหมด.…..สังเกตจาก ทำเรื่องเดิมๆ พูดเรื่องเดิมๆ อยู่แบบเดิม แต่หนักและแย่กว่าเดิม เอาใหม่…..ตั้งเป้าความฝัน พยายามทำ เมื่อไหร่รู้สึกลำบาก ต้องเหนื่อย หนัก ให้ดีใจร้องไชโยเข้าไว้… ใกล้เป็นจริงแล้ว
เขาถึงเรียกว่า “แพ้เป็นถ่าน ผ่านเป็นเพชร”
ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก : prakal