<h3>ใครก็ตามที่ตกเป็นจำเลยในคดีอาญา หรือถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย ล้วนมีสิทธิที่จะต่อสู้คดีเพื่อให้เกิดความยุติธรรมได้ตามกฎหมาย หากผู้ต้องหาหรือผู้เสียหายขาดความรู้หรือทุนทรัพย์ ย่อมเสียโอกาสได้รับความเป็นธรรม ซึ่งน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง</h3> <!--more--> <h3>ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศได้กำหนดให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิได้รับความคุ้มครอง และความช่วยเหลือที่จำเป็นและเหมาะสมจากรัฐ โดยเฉพาะการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมเบื้องต้น เช่น การปรึกษาทางกฎหมาย เป็นต้น</h3> <h3>ที่ผ่านมาประชาชนสามารถไปติดต่อขอรับความช่วยเหลือทางกฎหมายได้ที่ ศาล สภาทนายความ สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน สำนักงานอัยการสูงสุด หรือกองทุนยุติธรรม ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาเดินทางไปยังสถานที่แต่ละแห่ง</h3> <h3>ล่าสุดรัฐบาลได้เห็นชอบโครงการทนายความอาสาประจำสถานีตำรวจ เพื่อจัดหาทนายความอาสาให้บริการคำปรึกษาทางกฎหมายแก่ผู้ต้องหา ผู้เสียหาย และประชาชนทั่วไป โดยมีสภาทนายความร่วมรับผิดชอบด้วย ซึ่งจะทำให้ประชาชนเข้าถึงความยุติธรรมได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย และช่วยลดปริมาณคดีเข้าสู่ศาล สอดคล้องกับนโยบายลดความเหลื่อมล้ำในสังคม</h3> <h3>โครงการนี้ตั้งเป้าหมายให้บริการประชาชนที่จะมาขอรับคำปรึกษา 250,000 คน โดยจะนำร่องเป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน – กันยายน 2562 และจะดำเนินการต่อเนื่องในปีต่อ ๆ ไป</h3> <h3>สำหรับขั้นตอนการดำเนินงานนั้น จะมีการจัดอบรมผู้ปฏิบัติงานทนายความอาสาและพนักงานสอบสวนทั่วประเทศ และจัดทนายความอาสาไปประจำสถานีตำรวจ 150 สถานี แบ่งเป็น</h3> <h3>1) สถานีตำรวจที่มีจำนวนคดีเกินกว่า 1,000 คดี/ปี 100 สถานี ให้บริการคำปรึกษาตั้งแต่ 08.30 – 16.30 น. 2) สถานีตำรวจที่มีจำนวนคดีเกินกว่า 2,000 คดี/ปี 25 สถานี ให้บริการคำปรึกษา 2 ช่วงเวลา คือ ตั้งแต่ 08.30 – 16.30 น. และ 16.30 – 23.30 น. 3) สถานีตำรวจประจำจังหวัดที่มีคดีสูงที่สุดในจังหวัดอีก 25 สถานี ให้บริการคำปรึกษาตั้งแต่ 08.30 – 16.30 น.</h3> <h3>ส่วนการติดตามประเมินผล ทนายความอาสาทุกคนจะจัดทำรายงานเสนอต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ และประธานสภาทนายความจังหวัดจะติดตามตรวจสอบการปฏิบัติงานของทนายความอาสาประจำสถานีตำรวจอย่างต่อเนื่อง</h3> <h3>ขณะเดียวกันประชาชนผู้ใช้บริการก็สามารถให้ข้อแนะนำและประเมินผลโครงการผ่านแบบสอบถามที่จัดไว้ ณ จุดบริการ เพื่อนำไปพัฒนาการดำเนินงานต่อไป</h3> <h3>นอกจากนี้ ยังจะมีการจัดทนายความอาสาตอบปัญหากฎหมายทางเว็บไซต์ ณ ที่ทำการสภาทนายความ จำนวน 5 คนต่อวัน เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการของภาครัฐ</h3> <h3>รัฐบาลมุ่งหวังว่าจะช่วยให้ประชาชนสามารถได้รับบริการด้านกฎหมายและความยุติธรรมในเบื้องต้นได้สะดวก รวดเร็ว ประหยัดเวลา และหากสามารถยุติข้อพิพาทได้จะทำให้ประชาชนลดภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีในชั้นศาล เช่น ค่าเดินทาง ค่าจ้างทนายความ ค่าเอกสาร ประมาณ 50,000 บาท/คดี อีกด้วย</h3> <h3>ข้อมูลจาก: ไทยคู่ฟ้า</h3>