ธนารักษ์ เว้นเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุ สำหรับที่อยู่อาศัย-การเกษตร 1 ปี ช่วยเหลือประชาชน 5 แสนราย หลังโควิด-19 ระบาดรอบ 2 พร้อมพิจารณาเว้นค่าเช่าที่ตลาด 3-6 เดือน ช่วยเหลือแม่ค้า ชี้ทำกรมสูญรายได้ 400 ล้านบาท แต่ไม่กังวลกระทบเป้าเก็บรายได้เข้ารัฐ 1 หมื่นล้านบาท หลังเตรียมลุยสารพัดงาน หนุนเก็บรายได้เพิ่ม
วันที่ 6 มกราคม 2564 นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า กรมได้ลดค่าเช่าที่ราชพัสดุสำหรับที่อยู่อาศัย และการเกษตร เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่มีสัญญาเช่าอยู่กว่า 500,000 ราย ตั้งแต่ 1 ม.ค.นี้ จนถึง 31 ธ.ค.64 โดยจะเป็นการบรรเทา ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบนี้ด้วย ส่วนสัญญาเช่าที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์ กรมให้ผู้ประกอบการเลื่อนการจ่ายค่าเช่าออกไปก่อน เพื่อบรรเทาผลกระทบอีกทางหนึ่ง ซึ่งจากมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้กรมสูญเสียรายได้กว่า 300-400 ล้านบาท
“ถ้าเป็นผู้ประกอบการที่เช่าที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์กรมจะใช้วิธีการเลื่อนเก็บค่าเช่า โดยให้ผู้ประกอบการแจ้งผลประกอบการที่ได้รับผลกระทบช่วงโควิด และกรมจะพิจารณาช่วยเหลืออีกครั้ง ส่วนแม่ค้าในตลาดที่เช่าที่ราชพัสดุ ส่วนใหญ่กรมให้เทศบาลเป็นผู้ดูแล ซึ่งจะขอความร่วมมือจากเทศบาลให้ยกเว้นค่าเช่าออกไป 3-6 เดือน”
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าจะไม่กระทบการจัดเก็บรายได้ของกรม ที่ปีงบประมาณ 2564 ตั้งเป้าหมายเก็บรายได้เข้ารัฐได้กว่า 10,000 ล้านบาท โดยกรมจะดำเนินการจัดระเบียบการใช้ที่ราชพัสดุสำหรับหน่วยงานของราชการที่นำไปใช้ประโยชน์ เช่น การใช้พื้นที่เพื่อเชิงพาณิชย์ การเปิดเป็นร้านค้าสวัสดิการเชิงพาณิชย์ โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานของราชการ รวมทั้งประชาชนและเอกชนที่นำที่ราชพัสดุซึ่งได้รับการเช่าแล้วนำไปใช้ผิดประเภท เช่น เช่าเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยแล้วนำไปประกอบกิจการการค้า ซึ่งจะต้องเสียค่าเช่าที่ราชพัสดุในอัตราที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ กรมจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นไปตามพ.ร.บ.ราชพัสดุพ.ค.2562 โดยมีที่ดินรวมกว่า 2 ล้านไร่ ซึ่งจะมีรายได้กว่า 1,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเก็บอัตราการเช่า ซึ่งหากใช้ในเชิงสาธารณะก็จะคิดในอัตราต่ำ แต่หากใช้ในเชิงพาณิชย์จะคิดเต็มจำนวน โดยจะมีการเก็บอัตราค่าเช่าเป็นขั้นบันได เช่น เดิมเก็บค่าเช่าที่ 3% ซึ่งภายใน 3 ปี กรมจะทยอยเก็บอัตราค่าเช่าให้ครบ เพื่อไม่ให้กระทบการดำเนินธุรกิจของรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งประชาชนด้วย
พร้อมกันนี้ ยังมีช่องทางการเพิ่มรายได้จากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับโอนจากการยึดของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ตามคำสั่งศาล นำมาเปิดประมูลเพื่อให้เอกชน ประชาชนเข้ามาประมูลในระบบออนไลน์โดยร่วมกับ บมจ. กรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยคาดว่าจะเปิดประมูลให้กับผู้สนใจได้ภายในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งรอบแรกจะมีอยู่ 250 ไร่
ทั้งนี้ จะมีการดำเนินการเปิดประมูลที่ดินราชพัสดุในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ได้แก่ พื้นที่จังหวัดตาก หนองคาย และมุกดาหาร เป็นต้น รวมถึงการเปิดประมูลสนามกอล์ฟบางพระ จังหวัดชลบุรี และเร่งรัดสัญญาร่วมดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา เป็นต้น และเปิดประมูลบ้านทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ที่อยู่ในพื้นที่ของส่วนราชการ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 95 แห่ง ทั่วประเทศ มาทำประโยชน์ในเชิงพาณิชย์โดยอาจให้เอกชนเข้ามาประมูลเพื่อทำประโยชน์
ข้อมูลข่าวจาก ประชาชาติ