นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความเป็นห่วงพี่น้องชาวนาที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์พายุเตี้ยนหมู่ที่พัดผ่านประเทศไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ก่อให้เกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน โดยเฉพาะนาข้าวที่เป็นพืชเศรษฐกิจที่ปลูกในพื้นที่ลุ่ม จึงได้สั่งการให้กรมการข้าวเร่งให้การช่วยเหลือพี่น้องชาวนาโดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ปี 62
นายเฉลิมชัย กล่าวต่อไปว่า กรมการข้าวได้บูรณาการข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียม ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA และการตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานในพื้นที่โดยตรง ข้อมูลเบื้องต้น เมื่อวันที่ 29กันยายน 2564 พบว่านาข้าวในฤดูนาปี 2564/65 ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทั้งหมด 1.8 ล้านไร่ ในพื้นที่จำนวน 38 จังหวัด 285 อำเภอ 1,583 ตำบลจังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ นครสวรรค์ สุโขทัย และจังหวัดพิจิตร อย่างไรก็ตามพื้นที่น้ำท่วมอาจมีความแตกต่างกัน ทั้งระดับความลึก ช่วงระยะเวลาที่ท่วมขัง และความใส่ขุ่นของน้ำที่ท่วมขัง ชนิดพันธุ์ข้าว อายุของข้าว ที่ทำให้มีผลต่อระดับความเสียหายและการฟื้นตัวของข้าว ซึ่งเป็นรายละเอียดที่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องติดตาม และประเมินผลต่อไป
นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ รองอธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น ทางด้าน ดร.ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความเป็นห่วงประชาชนผู้ประสบภัยรวมไปถึงเกษตรกรชาวนาผู้ปลูกข้าวด้วยเช่นกัน กรมการข้าวจึงได้มีมาตรการการดูแลชาวนาผู้ปลูกข้าวหลังจากประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติประเมินพื้นที่ที่ได้รับความเสียอย่างสิ้นเชิง
โดยพี่น้องชาวนาจะได้รับความช่วยเหลือ ไร่ละ 1,340 บาท รายละไม่เกิน 30 ไร่ ตามหลักเกณฑ์ปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 อย่างไรก็ตามกิจกรรมของเกษตรกรในพื้นที่ประสบภัยหลังจากน้ำลดทั้งในพื้นที่ชลประทาน และพื้นที่นอกเขตชลประทาน ภาครัฐฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องมีการติดตามให้คำแนะนำและดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป สำหรับปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่กรมการข้าวให้ความช่วยเหลือนั้น จะสนับสนุนให้เกษตรกรรายละไม่เกิน 10ไร่ๆละ 7 กิโลกรัม (นาดำ) และไร่ละ 15 กิโลกรัม (นาหว่าน) แบ่งเป็นข้าวเจ้าไม่ไวต่อช่วงแสง 1,701,200 กิโลกรัม ข้าวหอมปทุม 500,400 กิโลกรัม และข้าวเหนียว 2,350,100 กิโลกรัม รวม 4,551,700 กิโลกรัม โดยปริมาณการสนับสนุนบรรเทาฟื้นฟูขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการเกิดภัยพิบัติร้ายแรงในแต่ละครั้ง หรือสภาพการขาดแคลนเมล็ดพันธุ์ข้าวในพื้นที่ โดยให้เป็นดุลพินิจของคณะกรรมการสำรองเมล็ดพันธุ์ข้าว เพื่อความมั่นคงแห่งชาติ ตามหลักเกณฑ์การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ปี 62 โดยมีการปรับอัตราการให้ความช่วยเหลือให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น ตามหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตร ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่เกิดภัย 1ก.ย. 64 ไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่ ได้แก่ ข้าว ไร่ละ 1,340 บาท พืชไร่และพืชผัก ไร่ละ 1,980 บาท ไม้ผล ไม้ยืนต้น และอื่น ๆ ไร่ละ4,048 บาท
ข้อมูลข่าวจาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์