Connect with us

Breaking News

กกพ.ทบทวนใหม่ ค่าไฟฟ้าFt ภาคเอกชนลดลงเหลือ 5.33 บาทต่อหน่วย

Published

on

 วันที่ 29 ธ.ค.65 กกพ.ทบทวนค่าไฟฟ้าเอฟทีใหม่ หลังจาก ปตท.- กฟผ. ทบทวนประมาณการสมมุติฐานต้นทุน ตามนโยบายรัฐบาล ส่งผลผู้ใช้ไฟฟ้าภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต้องจ่ายค่าเอฟที 154.92 สตางค์ต่อหน่วย จากเดิมที่ต้องจ่ายค่าเอฟที 190.44 สตางค์ต่อหน่วย ดังนั้นผู้ใช้ไฟฟ้าในกลุ่มนี้ จึงต้องจ่ายค่าไฟฟ้า 5.33 บาทต่อหน่วย ในรอบบิลค่าไฟฟ้า ม.ค. – เม.ย.66

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า กกพ. ในการประชุมครั้งที่ 60/2565 (ครั้งที่ 827) เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2566 พิจารณาผลการคำนวณค่าเอฟทีเพิ่มเติมอีกครั้งหลังจากที่ กฟผ. และ ปตท. ทบทวนประมาณการราคาก๊าซธรรมชาติ ราคาน้ำมันดีเซล อัตราแลกเปลี่ยน และภาระหนี้คงค้างของ กฟผ. สำหรับการคำนวณอัตราค่าเอฟที (Ft) ตามที่ กกพ. ได้พิจารณาไปแล้วในการประชุมครั้งที่ 58/2565 (ครั้งที่ 825) เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 โดยมีสมมุติฐานที่เปลี่ยนแปลง ดังนี้

หมายเหตุ: * กฟผ. คำนวณกรณีศึกษาเพิ่มเติม โดยจัดสรรก๊าซอ่าวไทยเพื่อการผลิตไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัย ราคา 237 บาทต่อล้านบีทียู ในปริมาณที่ไม่เพิ่มภาระอัตราค่าไฟฟ้าจากปัจจุบัน (รวมการทยอยคืนค่า AF ให้กับ กฟผ. 22.22 สตางค์ต่อหน่วย) ตามมติ กพช. ในสัดส่วนประมาณร้อยละ 28.16 จากการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด หรือประมาณ 64,980 ล้านบีทียู ในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2566 ส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับผู้ใช้ก๊าซรายอื่นเพิ่มขึ้นเป็น 496 บาทต่อล้านบีทียู

จากการปรับเปลี่ยนสมมุติฐานดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยยังคงต้องจ่ายค่า Ft ในอัตรา 93.43 สตางค์ต่อหน่วย และผู้ใช้ไฟฟ้ากลุ่มอื่นๆ ต้องจ่ายค่า Ft ในอัตรา 154.92 สตางค์ต่อหน่วย ค่า Ft ดังกล่าวทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยยังคงจ่ายค่าไฟฟ้าในอัตรา 4.72 บาทต่อหน่วย และผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ เช่น ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม จะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าในอัตรา 5.33 บาทต่อหน่วย

นอกจากนี้ นายคมกฤช ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 เป็นต้นไป ผู้ใช้ไฟฟ้า 3 ประเภท จะได้รับการปรับลดอัตราค่าบริการรายเดือน ดังนี้
เดิม ใหม่
(1) ประเภทบ้านอยู่อาศัย ใช้มากกว่า 150 หน่วย 38.22 บาท/เดือน 24.62 บาท/เดือน
ประเภทบ้านอยู่อาศัย แรงดันต่ำ อัตรา TOU 38.22 บาท/เดือน 24.62 บาท/เดือน
(2) กิจการขนาดเล็ก แรงดันต่ำ 46.16 บาท/เดือน 33.29 บาท/เดือน
(3) กิจการสูบน้ำเพื่อการเกษตร อัตรา TOU 228.17 บาท/เดือน 204.07 บาท/เดือน

ขอบคุณภาพจาก : ศูนย์ข่าว พลังงาน

ข้อมูลข่าวจาก : สำนักข่าวไทย

Breaking News

กรมอนามัย เปิดรับสมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการ 28 อัตรา (บรรจุทั่วประเทศ)

Published

on

(เพิ่มเติม…)

Continue Reading

Breaking News

ธ.ก.ส. เปิดรับสมัครบุคคลภายนอกเพื่อเป็นพนักงาน (ทั่วประเทศ)  620 อัตรา 

Published

on

ประกาศธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เรื่อง การรับสมัครบุคคลภายนอกเพื่อเป็นพนักงานพัฒนาธุรกิจ ระดับ 4 ปฏิบัติงานประจำสาขาและสำนักงาน ธ.ก.ส. จังหวัด ปีบัญชี 2566 จำนวน 620 อัตรา รายละเอียดดังนี้

ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร
1.ตำแหน่ง พนักงานพัฒนาธุรกิจ ระดับ 4

หน้าที่ความรับผิดชอบ
 ปฏิบัติงานด้านสินเชื่อตามวิธีปฏิบัติของธนาคาร (การขึ้นทะเบียนเป็นลูกค้า วิเคราะห์วงเงินกู้ ตรวจสอบและจัดทำหลักประกันเงินกู้ การจำนอง การไถ่ถอน-จำนอง และนิติกรรมอื่นๆ) ปฏิบัติงานด้านบริหารจัดการหนี้
ตามวิธีปฏิบัติของธนาคาร (ตรวจสอบการใช้เงินกู้ ติดตาม เร่งรัดการชำระหนี้ จัดทำสัญญาการรับใช้หนี้ รวบรวม และจัดทำข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดชั้นลูกหนี้) ปฏิบัติงานโครงการพัฒนาลูกค้า และนโยบายรัฐตามที่ได้รับ
มอบหมาย ติดตาม กำกับ ตรวจสอบการดำเนินงานของสถาบันเกษตรกรและช่วยแก้ไขปัญหา ข้อบกพร่อง ข้อทุจริต ของสถาบันเกษตรกร รายงานผลการด าเนินงาน วิเคราะห์ปัญหา อุปสรรค และเสนอแนวทางแก้ไขปรับปรุง พัฒนาให้มีประสิทธิภาพ

ประมาณการจำนวนที่ธนาคารต้องการ
 จำนวนความต้องการประมาณ 620 อัตรา โดยเป็นประมาณการความต้องการ 2 ปี ในภาพรวมของธนาคารซึ่งอัตราว่างของแต่ละภูมิภาคจะขึ้นอยู่กับรอบการบรรจุพนักงานใหม่ของธนาคาร แบ่งเป็น 4 ภูมิภาค
ประกอบด้วย
1. ภาคเหนือ (เชียงใหม่ ล าพูน ล าปาง แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน
พิษณุโลก ตาก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร และพิจิตร)
2. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย หนองบัวลำภู เลย สกลนคร
นครพนม มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม บึงกาฬ นครราชสีมา สุรินทร์ ชัยภูมิ บุรีรัมย์
อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร และอำนาจเจริญ)
3. ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก (กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา
สระบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท นนทบุรี ปทุมธานี อ่างทอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา นครนายก ปราจีนบุรี
สมุทรปราการ สระแก้ว ระยอง จันทบุรี ตราด ราชบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม กาญจนบุรี เพชรบุรี
ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม)
4. ภาคใต้ (สุราษฎร์ธานี ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ สงขลา นครศรีธรรมราช
ตรัง พัทลุง ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสตูล)

คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง
1. อายุไม่เกิน 35 ปีบริบูรณ์ (นับถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2566)
2 ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าจากสถาบันการศึกษา ที่ ก.พ. รับรอง (ภายในวันที่31 พฤษภาคม 2566) ในด้านที่เกี่ยวกับ การเกษตร วิทยาศาสตร์เกษตรและเทคโนโลยี ที่เกี่ยวเนื่อง ศึกษาศาสตร์เกษตร ครุศาสตร์เกษตร คอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ คณิตศาสตร์ สถิติ พัฒนาชุมชนและสังคม การบริหารการคลัง นโยบายสาธารณะ เศรษฐศาสตร์ บัญชี บริหารธุรกิจ บริหารรัฐกิจ การตลาด การจัดการทั่วไป สหกรณ์ รัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ หรือสาขาอื่นที่เกี่ยวข้องจากสถาบันการศึกษาที่ ก.พ. รับรอง ตามด้านที่ธนาคารกำหนด โดยปริญญาบัตร หรือใบรายงานผลการศึกษา (Transcript) ระบุว่าเป็น สาขาวิชา/วิชาเอก/ โปรแกรมวิชา/แขนงวิชา (Major) เท่านั้น ธนาคารจะพิจารณาวุฒิการศึกษาเทียบเคียงตามการรับรองคุณวุฒิของ สำนักงาน ก.พ. (http://accreditation.ocsc.go.th) และให้ยึดถือคำวินิจฉัยของธนาคารเป็นที่สิ้นสุด
3 ต้องมีใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ และ ใบอนุญาตขับรถยนต์ ซึ่งยังไม่หมดอายุ(ภายในวันที่สอบสัมภาษณ์) และต้องนำมายื่นในวันที่มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ หากเกินวันที่ธนาคารกำหนด จะถือว่า เป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติถูกต้องตามประกาศ ธนาคารจะตัดรายชื่อออกจากประกาศรายชื่อทุกขั้นตอน

การรับสมัคร
ผู้ที่สนใจและมีคุณสมบัติครบถ้วนถูกต้องตามประกาศของธนาคาร สามารถสมัคร ผ่านเว็บไซต์ https://baac.thaijobjob.com (ระบุตำแหน่งที่ต้องการสมัคร “พนักงานพัฒนาธุรกิจ ระดับ 4” ระบุประเภท “บุคคลภายนอก”) ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่วันที่ 24 – 31 พฤษภาคม 2566 (ยกเว้นวันสุดท้ายปิดรับสมัครภายใน เวลา 16.30 น.)

Continue Reading

Breaking News

ศธ.ยุบ กศน.เปลี่ยนสถานะเป็นกรมส่งเสริมการเรียนรู้เต็มรูปแบบ

Published

on

(เพิ่มเติม…)

Continue Reading

Trending

Copyright © 2022 katipnews.com กระติบนิวส์