<h3>กอพ. ปรับกรมธรรม์เพิ่มขึ้นเป็น 7แสน-1 ล้านบาท คาดว่าผู้ประกอบการมีแน้วโน้มเพิ่มเบี้ยประกันสำหรับกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงมาก ด้านตลาดมอเตอร์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง</h3> <h3><!--more--></h3> <h3>เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่โรงแรม IBIS STYLE BANGKOK RATCHADA บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) จัดงานกิจกรรมอยากเล่าเรื่องให้เพื่อนฟัง “โค้งสุดท้ายตลาดประกันภัยรถยนต์ปี 62” โดย นายสยม โรหิตเสถียร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยว่า <span style="color: #003366;">ภาพรวมมูลค่าตลาดประกันภัยรถยนต์ในปีนี้อยู่ที่ 1,000 ล้านบาล ซึ่งมีการเติบโต 4% แต่ก็ยังถือว่าเติบโตขึ้นไม่มากเท่าปีที่ผ่านมาที่มีมูลค่าสูงถึง 2,500 ล้านบาท เติบโตถึง 5% แม้จะมีงาน Motor Expo ที่กำลังจะเกิดขึ้นในสิ้นเดือนแต่ คาดว่าจะสามารถกระตุ้นมูลค่าการเติบโตได้ไม่มาก เนื่องจากงานดังกล่าวจะเกิดขึ้นในปลายเดือน ซึ่งยอดการขายจะตกไปอยู่ที่เดือนธันวาคม แต่การปิดการขายจริงๆ ยอดจะไปโชว์ที่เดือนมกราคม ซึ่งเป็นปีหน้าปีหน้า เช่นเดียวกันกับตลาดรถป้ายแดงที่ปีนี้มีการเติบโตมากขึ้น แต่ก็ยังไม่เท่ากับปีที่แล้ว เนื่องพิษจากเศรษฐกิจโลกที่มีการซบเซาอย่างมาก</span></h3> <h3>สำหรับทิศทางตลาดประกันภัยรถยนต์ในปีหน้า มีความกังวลอยู่หนึ่งเรื่อง คือการจัดการปัญหาเรื่องสินไหมทดแทนที่เพิ่มขึ้น และเรื่องค่าขาดประโยชน์ ที่ตอนนี้ทางกลุ่มอาคารสถานที่และยานพาหนะ (กอพ.) ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องของการชดใช้ชุดร่างกายทางกรมธรรม์ ซึ่งตารางแต่เดิมอยู่ที่ 5 แสนบทา แต่ตอนนี้มีปรับเป็น 7 แสน ถึง 1 ล้านบาท แต่ในขณะยังอยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าน่าจะจะยุติที่ 7 แสนบาท ซึ่งทุกกรมธรรม์ที่ระบุไว้ ต้องจ่ายตามหน้าตารางที่กำหนด เพราะฉะนั้นคาดว่าค่าสินไหมน่าจะสูงขึ้นแน่นอน ผู้ซื้อน่าจะมีผลกระทบอย่างมาก หากมีการปรับเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น เราจึงต้องมองว่าจะปรับเบี้ยประกันในรถกลุ่มใด โดยจปรับเบี้ยในส่วนของกลุ่มรถที่มีความเสี่ยง และต้องจ่ายสินไหมทดแทนจำนวนมากมาก รถรุ่นนั่นอาจจะต้องมีการปรับขึ้น แต่ไม่ใช่ทั้งหมด ในส่วนของเรื่องการแข่งขันตลาดราคาก็จะบริษัทอิ่นๆเข้ามาทุกปี และก็จะเกิดสงครามราคาขึ้น แต่เรื่องแบบนี้ไม่ยั่งยืน เพราะจะต้องมองถึงเบี้ยประกันด้วยว่ามีความคุ้มครองพอหรือไม่ เพราะฉนั้นสงครามราคาน่าจะลดลง</h3> <h3>อย่างไรก็ตาม ตลาดอุตสาหกรรมมอเตอร์ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่ารวมกว่า 2 แสนล้านบาท โตขึ้นถึง 5 % ซึ่งสวนทางกับเศรษฐกิจโลก โดยผู้ประกอบการยังคงสั่งการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์มากขึ้น และในปีนี้มีสถิติผู้ซื้อรถใหม่สูงเกือบถึง 1 ล้านคัน โดยสัดส่วนของการซื้อรถเก๋งมีมากกว่ารถกระบะประมาณ 60 : 40 เปอร์เซ็นต์</h3> <h3>ข้อมูลข่าวจาก <a href="https://www.dailynews.co.th/economic/743495"><img class="alignnone wp-image-8595" src="https://katipnews.com/wp-content/uploads/2018/09/awards203_1368700598-400x229.png" alt="" width="140" height="80" /></a></h3>